ทำ Line Message API บน AWS Lambda
สวัสดีครับ วันนี้เราจะมาทำ Line Message API บน AWS Lambda กัน แต่ก่อนอื่นเลย เราจะพูดถึง Line Message API กับ AWS Lambda ก่อน ว่าคืออะไร
Line Message API ก็คือ API ที่ทาง Line มีไว้ใช้สำหรับ Developer หรือนักพัฒนา โดยสามารถนำไปทำบอทหรือแจ้งเตือนต่าง ๆ ตามที่เราต้องการได้ ปัจจุบันเราสามารถใช้ SDK เพื่อความรวดเร็วในการพัฒนา สามารถเข้าไปดูได้ที่นี่
AWS Lambda คือ Serverless Computing หรือก็คือ การใช้งานโค้ดโดยที่ไม่ต้องสนใจเซิฟเวอร์ ดูแค่การทำงานของโค้ดก็พอ
เอาล่ะ น่าจะพอเข้าใจคร่าว ๆ แล้ว ใครยังไม่มี Line กับ AWS ก็ไปสมัครมาก่อน ซึ่งตัว AWS มี Free Tier คือ ใช้งานฟรี ถ้าเกินจาก Free Tier ที่กำหนดถึงจะคิดเงิน ส่วนใหญ่แล้ว เริ่มต้นเราไม่น่าจะใช้งานถึงตามที่เค้ากำหนด โดยสามารถเข้าไปดูรายละเอียดของ AWS Lambda Free Tier ได้ที่นี่
ก่อนเริ่มต้น เราแนะนำว่าให้ผู้อ่านนั้นมี Python ไว้ในเครื่องด้วย เพื่อตอนหลังจะเป็นการนำ Dependency หรือ Package ขึ้นมาบนเซิฟเวอร์ แต่ถ้าต้องการทดสอบอย่างเดียวก็สามารถไปโหลด .zip ใน github ของโปรเจคตัวอย่างได้เลย
เริ่มต้น เรามาทำการสร้าง Line Message ก่อนเลย เพื่อทำการเก็บค่า Access Token กับ Channel Secret เพื่อเอาไว้ต่อ API
- ไปที่ https://developers.line.biz/en/ เพื่อทำการ Login เข้าใช้งาน
- ทำการสร้าง Provider ไว้สำหรับจัดการ จากในรูป ใช้ชื่อ Tichaky
- ทำการเลือก Create a Message API channel
- ทำการกรอกข้อมูลให้ครบ
- ในแถบ Basic Setting ให้เราทำการเก็บค่า Channel Secret เอาไว้
- ไปที่แถบ Message API กด Issue แล้วเก็บค่า Access Token เอาไว้
ต่อมาจะเป็นการทำ Serverless บน AWS Lambda กัน
- ไปที่ https://aws.amazon.com/th/lambda/ ทำการสมัคร Account AWS และทำการ Login
- บนแถบค้นหา ให้พิมพ์ไปว่า lambda แล้วคลิกเข้าไป
- ทำการคลิกที่ Create Function เพื่อทำการสร้าง Function
- ทำการกรอกและเลือกรายละเอียดต่าง ๆ ในที่นี้เราจะใช้ Python ก็เลือกดังรูป เสร็จแล้วก็คลิก Create Function
ในส่วนของ Create a new role with basic Lambda permissions นั้น ถ้าผู้อ่านมีการตั้งค่าส่วนนี้อยู่แล้ว ก็เลือกเป็น Use an existing role ได้เลย
แก้ไขใหม่ ณ 05/12/22 อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง โดยจะมีในส่วนของ Enable Funtion URL มาให้ เราต้องไปติ๊กเลือกเอง แต่ถ้าสร้างทีหลังเราสามารถเพิ่มได้โดยไปที่เมนู Configuration แล้วไปที่ Function URL แล้ว create เอา หรือบางทีอาจจะติดปัญหาเรื่องของ Permission ในการใช้งาน Invoke ของ FunctionURL ด้วย ยังไงก็ลองทดสอบดูก่อน เพราะบางทีถ้าเราติ๊กเลือกตอน Create Function มันจะมี Permission ติดมาด้วย อันนี้ที่เคยลองนะ
- ใช้เวลาสักครู่ก็จะได้ Function มาใช้งาน ลองทดสอบได้เลย โดยคลิกไปที่ Function URL ได้เลย
เอาล่ะครับ ตอนนี้เราได้ Serverless Function มาใช้งานคร่าว ๆ แล้ว ต่อไปเราจะเริ่มการเขียนโค้ด โดยทาง Serverless นั้นก็มีโค้ดสำเร็จไว้ให้แล้ว ก็ไปที่ https://github.com/serverless/examples/blob/master/aws-python-line-echo-bot/handler.py แต่ทางเรามีการแก้ไขโค้ดจากนี้นิดหนึ่ง จะเป็นแบบนี้
import json
import os
from linebot import (
LineBotApi, WebhookHandler
)
from linebot.models import (
MessageEvent, TextMessage, TextSendMessage,
)
def lambda_handler(event, context):
line_bot_api = LineBotApi(os.environ['YOUR_CHANNEL_ACCESS_TOKEN'])
handler = WebhookHandler(os.environ['YOUR_CHANNEL_SECRET'])
msg = json.loads(event['body'])
line_bot_api.reply_message(
msg['events'][0]['replyToken'],
TextSendMessage(text=msg['events'][0]['message']['text'])
)
return {
"statusCode": 200,
"body": json.dumps({"message": 'ok'})
}เมื่อใส่โค้ดเสร็จทำการ Deploy แต่โค้ดจะยังใช้งานต้องไปตั้งค่าอื่นเพิ่มเติม
คลิกไปที่ Config เพื่อกำหนดค่า ENV (os.environ ในโค้ดจะเป็นการดึงค่าจากตัวแปรที่ฝังอยู่ในเครื่อง ป้องกันเรื่องความปลอดภัย ไม่ให้โทเคนหรือข้อมูลสำคัญไปอยู่ในโค้ด)
คลิกที่ Environment variables
ทำการกด Edit เพื่อไปยังหน้าเพิ่มและแก้ไข Environment
ทำการเพิ่มตัวแปร YOUR_CHANNEL_ACCESS_TOKEN กับ YOUR_CHANNEL_SECRET และเอาค่าเก็บไว้จากข้างบนมาใส่แล้วกด Save
ต่อมาจะต้องทำการเพิ่ม Dependency หรือ Package ขึ้นไป เพราะทาง AWS Lambda เราเอาแค่ Source code เฉพาะส่วนของ Line ขึ้นไป แต่ยังไม่มี Dependency หรือ Package ให้มัน
เราสามารถเข้าไปดูได้ที่นี่ เพื่อต้องการดูวิธีเพิ่ม Dependency แบบต่าง ๆ ในที่นี้เราจะใช้วิธีการ .zip ขึ้นไป
เข้าไปที่ https://github.com/Tichakon/aws-lambda-python-line เพื่อทำการ Clone ลงมา
ผู้อ่านสามารถนำไฟล์ my-deployment-package.zip อัพโหลดบน AWS Lambda เลยก็ได้ แต่อาจจจะเป็นเวอร์ชั่นไม่ตรงกัน มีอีกวิธีหนึ่งก็คือเราต้องทำกับอัพเดท Package โดยลบโฟลเดอร์ Package ทิ้งไป แล้วใช้คำสั่งใน Command Line หรือ Terminal แต่ในเครื่องต้องติดตั้ง Python ไว้แล้วนะ
pip install --target ./package requests line-bot-sdkจากคำสั่งด้านบนเป็นการโหลด Dependency หรือ Package ชื่อ requests และ line-bot-sdk มาไว้ในโฟลเดอร์ ./package จากนั้นใช้คำสั่ง
bash command.shคำสั่งนี้เป็นการรันไฟล์ที่เป็น .sh แล้วไฟล์ใน .sh มีอะไรบ้างนั้น เราไปดูกัน
rm -f my-deployment-package.zip
cd package
zip -r ../my-deployment-package.zip .
cd ..
zip -g my-deployment-package.zip lambda_function.pyเนื่องจากว่าถ้าเราไปดูใน Document ของ AWS จะพบว่าเค้าทำทีละบรรทัด ผู้เขียนเลยมัดรวมไว้เลย อธิบายโค้ดจะเป็นตามนี้
- บรรทัดที่ 1 ทำการลบไฟล์ที่ชื่อว่า my-deployment-package.zip ทิ้งไป
- บรรทัดที่ 2 เข้าไปในไฟล์ที่ชื่อว่า package
- บรรทัดที่ 3 ทำการ zip ไฟล์ข้างในออกมาไว้ข้างนอก 1 ขั้น (1 ขั้นก็คือเหมือนประมาณว่า สมมติเราอยู่ใน Directory project เรา cd package แปลว่าตอนนี้เราเข้าไปอยู่ในโฟลเดอร์ package แล้วเราเอาไฟล์ออกมาข้างนอกหนึ่งขั้น ไฟล์เราก็จะมาอยู่ข้างนอก package ก็คือยังอยู่ใน project แต่อยู่ข้างนอก package)
- บรรทัดที่ 4 ออกมาข้างนอก 1 ขั้น
- บรรทัดที่ 5 ทำการซิฟไฟล์โดยเอา lambda_function.py มาใส่ใน my-deployment-package.zip ด้วย
การ Upload .zip ขึ้นไปมี 2 วิธีด้วยกัน คือ จาก Local หรือเครื่องเราขึ้นไปเลย หรืออัพโหลดขึ้น Awazon S3 ก่อน แล้วก็เลือก URL เอา ในที่นี้จะใช้จาก Local ขึ้นไป
สำหรับคนที่ต้องการอัพโหลดไฟล์จากใน โปรเจคขึ้นไปเลย ก็คือให้ใช้ไฟล์ my-deployment-package.zip แล้วคลิกที่ Upload from แล้วเลือก .zip file เอาไฟล์เราขึ้นไปก็เป็นอันเสร็จสิ้น
ทำการทดสอบ เพิ่ม Line ที่เราสร้างขึ้นไป และทำการทดสอบ
สำหรับคนที่ต้องการ Dependency หรือ Package เวอร์ชั่นใหม่ก็ Clone โปรเจคลงมาก่อน แล้วใช้คำสั่งตามนี้ เพื่อเป็นการลง Package
pip install --target ./package requests line-bot-sdkจากนั้นให้รันคำสั่ง command.sh เพื่อทำการลบ .zip อันเก่า รวม Package แล้วสร้าง .zip อันใหม่
bash command.shจากนั้นก็นำไฟล์อัปโหลดขึ้นบนเซิฟเวอร์ข้างบนและเทสได้เลย ก็เป็นอันเสร็จสิ้น
เสร็จแล้วครับ กับการสร้าง Line Message API ด้วย AWS Lambda ซึ่งเราสามารถนำไปทำเป็น Bot Line โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายค่าเซิฟเวอร์เลย (ถ้าใช้ไม่เกินนะ) สำหรับบทความนี้ก็พอแค่นี้ก่อนละกันครับ หากมีคำถามหรือข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ทาง Email หรือทาง Social ที่ทางเว็บมีให้ครับ สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ
ช่องทางการติดต่อ
Email: [email protected]
Website: https://blog.tichaky.com/
Facebook: https://www.facebook.com/tichaky
