DigitalOcean มีอะไรให้ใช้บ้าง

มารู้จัก DigitalOcean ตัวเลือกสำหรับคนใช้ Cloud ที่อยากมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองในราคาที่เข้าถึงได้
Feature Image Digitalocean

สวัสดีครับ วันนี้มาทำความรู้จักกับ DigitalOcean กัน และไปดูกันว่า DigitalOcean มีอะไรให้ใช้บ้าง เราไปดูกัน

DigitalOcean เป็นบริษัทที่ให้บริการ Cloud Computing หลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น VPS, Database, Networking, CDN อื่น ๆ อีกมากมาย ปัจจุบันเราสามารถสร้างเซิฟเวอร์บน DigitalOcean ได้ในหลายดาต้าเซนเตอร์ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น New York, San Francisco, Amsterdam, Singapore, London, Frankfurt, Toronto, Bangalore โดยแต่ละฟีเจอร์ของ DigitalOcean นั้นก็มีจำกัดเฉพาะบางดาต้าเซนเตอร์เช่นกัน ส่วนวันนี้เราจะไปดูกันว่าเค้ามีอะไรให้เราเล่นบ้าง เราไปดูกัน

ก่อนไปดูว่ามีอะไรบ้างนั้น สำหรับเรื่องของราคาที่ทาง DigitalOcean คำนวณ จะคำนวณเป็นรายชั่วโมง เช่น สมมติเราสร้าง Droplets ที่ 10$/month สมมติใช้ไป 1 ชั่วโมง แสดงว่าเราจะเสียตังประมาณ

(10/(30*24)) * 1 = 0.0139 $

  • 10 = ราคา Droplets/month ในที่นี้ 10$
  • 30 = จำนวนวันในแต่ละเดือน ไม่รู้ว่าทาง DigitalOcean เค้าเอา 30 วัน หรือแต่ละเดือนมาคิด แต่คิดว่าน่าจะเอา 30 มาคิด
  • 24 = จำนวนชั่วโมงในแต่ละวัน การที่เอา 30 * 24 เป็นการแปลงว่าใน 1 เดือนมีกี่ชั่วโมง ก็เอา 30 * 24 ก็จะได้จำนวนชั่วโมงในแต่ละเดือนมา
  • 1 = จำนวนชั่วโมงที่ Droplets ทำงาน

แปลว่า ทุก ๆ 1 ชั่วโมง ของ Droplets 1 ชั่วโมง จะเสียตังไป 0.0139$ ไม่ได้เสีย 10 $ ก็ถือว่าตอบโจทย์

Droplets เป็นเครื่อง Server หรือ Cloud หรือ VPS (Virtual Private Server) โดยทาง DigitalOcean มีระบบต่าง ๆ ให้จัดการกับ Droplets ไม่ว่าจะเป็น Monitor, Networking, Backup, Snapshots, Command Line ซึ่งระบบที่ว่ามานี้สามารถทำผ่าน Web UI ของทางเว็บไซต์ให้เลย ซึ่งสะดวกมาก และด้วย CPU ที่สามารถเลือกได้ทั้งแบบธรรมดา, Intel และ AMD กับราคาที่ถูก เข้าถึงได้ คิดว่าน่าจะเป็นตัวเลือกของใครหลาย ๆ คน

สำหรับราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 4$/month พร้อมกับสเปค RAM 512MB, 1 CPU, SSD 10 GB, Bandwidth 500 GB ถ้าเป็น Intel หรือ AMD สเปคเริ่มต้นจะอยู่ที่ 7$/month จะได้ RAM 1 GB, 1 CPU แล้วแต่จะเลือก Intel กับ Amd, 25 GB เป็น NVMe SSDs, Bandwidth 1 TB (ดู Bandwidth กันด้วยนะ เพราะถ้าเราใช้ Hosting หรือ VPS ที่อยู่ในไทย ส่วนใหญ่แล้ว Bandwidth จะเป็น Unlimited แต่ถ้าใช้ของที่นี่จะมีจำกัด แต่ก็ถือว่าเยอะมากทีเดียว) สามารถดูราคาเปรียบเทียบได้ที่นี่ เลื่อนลงมาข้างล่างจะมีเปรียบเทียบระหว่าง GCP, AWS, Azure โดยราคาที่ว่ามานี้ยังไม่นับ Volume หรือพื้นที่จัดเก็บเพิ่มเติม (ไม่เอาก็ได้), Backup ที่คิดราคา 20% ของราคา Droplets ที่เราสร้าง สมมติ Droplets ที่เราสร้างราคา 10$/month แปลว่า Backup จะเสียเงินประมาณ 2$/month (ไม่เอาก็ได้เช่นเดียวกัน)

จากประสบการณ์คือค่อนข้างประทับใจเพราะเวลาเราสร้าง Droplets มันสามารถสร้าง ssh keys มาผูกไว้กับไอดีเราเลย แล้วเวลาเราสร้าง Droplets มันก็จะผูกกับ SSH Key ที่เราสร้างไว้ แปลว่าเราไม่ต้องกลัวว่าใครจะเข้ามายัง Droplets เรามั่ว ๆ (ทำเองได้นะ ไปอ่านได้ที่นี่) มี Backup ให้ถ้าเราต้องการ แต่เสียตังเพิ่มนะ มี Snapshots ไว้สำหรับต้องการเอาค่าที่เรา Config ไว้ไปใช้กับ Droplets อื่น ๆ ก็สามารถทำได้ ไม่ต้องมานั่งลงหรือติดตั้งใหม่ตั้งแต่เริ่ม

DigitalOcean Droplets
ภาพมาจาก DigitalOcean

Kubernetes หรือเรียกว่า k8s เป็น Open Source ที่ไว้จัดการเรื่องของ Auto Deploy, Scaling, และระบบจัดการ Container ต่าง ๆ โดยทาง DigitalOcean ก็มีมาให้ เราไม่ต้องไปปวดหัวกับเรื่องของการติดตั้งเลย แต่ไปปวดหัวเรื่องการตั้งค่าแทนนะ 555 เพียงแค่คลิก ๆ แล้วก็ติดตั้ง ตั้งค่า มี Dashboard มาให้ด้วย และยังมีส่วนเสริมที่สามารถติดตั้งเพียงคลิกเดียว ไม่ว่าจะเป็น Grafana, Cert-Manager, Nginx Ingress Controller และอื่น ๆ สามารถเข้าไปลองใช้ดูได้

สำหรับราคา เริ่มต้นที่ 12$/month ขึ้นอยู่ Scaling type และ Node ที่เราเลือกด้วย โดยจะมีให้เลือก 2 แบบคือ Fixed size และ Autoscale

  • Fixed size คือ เปิดแบบนี้ตลอด ราคาก็จะขึ้นอยู่กับ Node โดย 12$/month ที่ว่ามาก็คือราคา Node ถ้าเราเลือก 2 Node ก็เท่ากับ 24$/month
  • Autoscale คือ เพิ่มลด Node ตามการใช้งาน สามารถไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ แบบนี้จะให้ใส่เป็นจำนวน Node สูงสุดกับต่ำสุด ราคาจะขึ้นอยู่กับ Node ที่เปิดใช้งาน ถ้าเราเลือก 12$/month แล้วเปิด Node ต่ำสุดที่ 1 Node และ Node สูงสุดที่ 3 Node แปลว่าถ้าระบบราบรื่น ไม่ได้มีการใช้งานเยอะเกิน วิ่ง 1 Node ตลอดทั้งเดือน ก็จะจ่ายที่ 12$/month แต่ถ้าเกิดเปิดปุ๊บพุ่งสูงสุดที่ 3 Node ตลอด แปลว่าเราต้องจ่ายในราคา 3 Node คือ 36$/month แต่ส่วนใหญ่แล้ว Autoscale เค้าจะทำเผื่อไว้ คือ Node ต่ำสุดจะตั้งไว้กรณีของคนใช้งานปกติ ส่วนสูงสุดจะตั้งที่พีคสุดหรือคนที่เล่นสูงที่สุด ตัวอย่างเช่น เว็บดูหวย ถ้าเวลาปกติคนอาจจะน้อยถึงน้อยมาก ๆ ตัว Kubernetes ก็จะวิ่งแค่ Node เดียว แต่ถ้าช่วงหวยออกอาจจะวิ่งไปที่ 3 Node ก็ได้ แต่มันอาจจะวิ่ง 3 Node แค่ 2 – 3 ชั่วโมงแรกก็ได้ และมันก็กลับไปวิ่งที่ 2 Node และ 1 Node ตามลำดับ เพราะฉะนั้นเวลาใช้ Autoscale ก็สามารถคำนวณเงินที่ต้องจ่ายได้ประมาณ 12$/month – 36$/month ไม่เกินจากนี้

นอกจากราคานี้แล้ว ถ้าเอาส่วนเสริมเข้ามา อย่างเช่น Volume ไม่ก็ Load Balance ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแยกออกมาอีกที

จากประสบการณ์ที่เคยลองมา ตอนสร้างมันจะมีให้เลือกระหว่างแบบ Fixed กับ Auto Scale แนะนำว่าให้เลือกเป็น Auto Scaling จะประหยัดกว่า และเวลาติดตั้งแนะนำว่าให้ไปดูส่วนอื่น ๆ ด้วย เพราะบางทีมันจะสร้างส่วนอื่นให้ ไม่ว่าจะเป็น เพิ่ม Volume ให้หรือสร้าง Load Balance แนะนำว่าสร้างไปก็ดูไปด้วยนะ ไม่งั้นจะเสียตังเพิ่ม

DigitalOcean Kubernetes
ภาพมาจาก DigitalOcean

App Platform สำหรับใครที่ต้องการความรวดเร็วในการติดตั้งแอพและไม่ต้องปวดหัวเรื่องของเซิฟเวอร์ App Platform ถือเป็นคำตอบ เพราะเราสามารถเลือกแอพที่เราต้องการ Deploy ได้เลย ยังสามารถเอาโปรเจคที่ทำไว้บน Github หรือ Gitlab มาติดตั้งได้ด้วย และยังสามารถผูกกับ Database ของทาง DigitalOcean ได้ด้วย

สำหรับราคา เริ่มต้นที่ 0$ สำหรับเว็บไซต์ที่เป็น Static หรือแค่โชว์ (หาไม่เจอ) ถ้าใช้มากกว่านั้นจะแยกออกเป็น 2 อย่างคือแบบ Basic กับ Professional โดยแต่ละแบบจะรันเป็น Container

  • Basic จะมี Fixed 2 Container ในราคาเริ่มต้น 5$/month จะเป็น Ram 512 MB, 1 CPU ส่วน Bandwidth อยู่ที่ 40 GB เกินจากนั้นคิดที่ราคา 0.10$/GB
  • Professional สามารถเลือก Container เองได้ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 12$/month จะเป็น RAM 1GB, 1 CPU ขึ้นอยู่กับ Container ถ้าเลือก 2 Container ราคาจะอยู่ที่ 24$/month ส่วน Bandwidth อยู่ที่ 100 GB เกินจากนั้นคิดที่ราคา 0.10$/GB

สำหรับราคา Bandwidth ของ App Platform สามารถดูได้ที่นี่

จากประสบการณ์ยังไม่เคยลองใช้จริงจัง เคยเอาโปรเจค Laravel ที่มาจาก Gitlab มาติดตั้ง มันก็ติดตั้งได้นะ แต่อาจติด ๆ ขัด ๆ บ้าง แล้วมี Auto Deploy ให้เลย ถือว่าตั้งค่านิดเดียว แต่สามารถทำ CI/CD ได้ มันมีให้เลือกเยอะนะ ลองไปเล่นกัน

DigitalOcean App Platform
ภาพมาจาก DigitalOcean

Functions เป็น Serverless สำหรับคนที่ไม่ต้องปวดหัวเรื่องเซิฟเวอร์เช่นกัน โดยสามารถเขียนโค้ดแล้ว Deploy ขึ้นได้เลย ตามความสามารถของ Serverless

สำหรับราคา ส่วนตัวไม่เคยใช้เลย สามารถไปดูรายละเอียดได้ที่นี่

อันนี้ไม่เคยใช้งานเลย เพราะไปใช้ของ AWS Lambda แทน แต่ทาง DigitalOcean ก็มีให้ใช้ฟรีนะ เดี๋ยวจะลองดูว่าจะใช้งานได้ดีมากแค่ไหน

DigitalOcean Functions
ภาพมาจาก DigitalOcean

Databases เป็นฐานข้อมูลที่มาพร้อมกับ Cluster โดยปัจจุบันมี MySQL, PostgreSQL, Mongodb, Redis ถือว่าสำหรับคนที่ไม่อยากติดตั้งฐานข้อมูลด้วยตัวเอง ตัวนี้ดีเลย

สำหรับราคา ทุก Database จะเริ่มต้นที่ 15$/month จะเป็น RAM 1GB, 1 CPU, SSD 15 GB

อันนี้ไม่เคยใช้งานเช่นกัน เพราะส่วนใหญ่จะติดตั้งเองและส่วนใหญ่เป็นโปรเจคเล็ก ๆ เลยไม่ต้องทำขนาดนั้น คำแนะนำส่วนตัวถ้าใครขี้เกียจติดตั้งเอง ตัวนี้ตอบโจทย์ เพราะมันมี Cluster และ Replicate มาให้ด้วย ซึ่งต้องศึกษาพอสมควรสำหรับคนใช้งาน แต่ก็แลกมากับราคาที่ต้องจ่าย

DigitalOcean Databases
ภาพมาจาก DigitalOcean

Spaces เป็นพื้นที่จัดเก็บ โดยแยกออกมาไว้สำหรับเก็บไฟล์แยกออกมาจากเซิฟเวอร์ จะมาพร้อมกับ CDN มี SSL ตั้ง Domain name ได้แต่ต้องเพิ่ม DNS ด้วยนะ และมีระบบป้องกันไฟล์อย่าง Private กับ Public ก็มีนะ ยังไงก็ลองใช้งานดู

สำหรับราคา เริ่มต้นที่ $5/month ได้พื้นที่จัดเก็บ 250 GB ถ้าเกินจากนั้นคิดเพิ่ม 0.02$/GB Bandwidth อยู่ที่ 1TB ถ้าเกินจากนั้นคิดเพิ่มที่ 0.01$/GB

ปัจจุบันก็ยังใช้งานอยู่ Blog นี้ก็ใช้อันนี้แหละ เวลาอัพโหลดรูปจากทาง WordPress สามารถตั้งค่าให้ไปอัพโหลดไฟล์ที่ Spaces นี้ได้ (ต้องลง Plugin เพิ่มนะ ส่วนตัวใช้ MEDIA CLOUD ใครมีตัวที่ดีกว่าก็แนะนำได้นะ) เพื่อทำให้ประหยัดพื้นที่ของเว็บไซต์และยังได้ CDN มาใช้งานด้วย

DigitalOcean Spaces
ภาพมาจาก DigitalOcean

เอาล่ะจบไปแล้วกับ DigitalOcean มีอะไรให้ใช้บ้าง ต้องบอกว่าอันนี้เป็นเพียงฟีเจอร์หลัก ๆ เท่านั้น จริง ๆ ยังมีฟีเจอร์ย่อย ๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าเครือข่าย VPC หรือตั้ง Port ผ่าน Web UI ได้เลย ไม่ต้องใช้ UFW มี Load Balance ให้ใช้งาน ต้องบอกเลยว่ามีให้เล่นเยอะมาก แต่ที่เอาเฉพาะฟีเจอร์หลักเพราะว่า ฟีเจอร์หลักบางอันมันเด่นจริง ๆ และราคาที่ถูกและเข้าถึงได้ ซึ่งส่วนตัวคิดว่าน่าจะไว้เป็นตัวเลือกสำหรับผู้อ่าน สำหรับใครสนใจสามารถเข้าสมัครใช้งานได้ที่ https://m.do.co/c/0b253442f9b2 เป็นโปรแกรมเชิญชวน รับเครดิตการใช้งานของทาง DigitalOcean ฟรี 200$ เป็นเวลา 60 วัน เข้าใจว่าต้องผูกบัตรเครดิตก่อนนะถึงจะได้สิทธิ์ ส่วนใครไม่อยากใช้สิทธิ์ก็สามารถเข้ามาที่นี่ เป็นเว็บหลักของเค้า แต่แนะนำว่าให้หาเครดิตนะ จะได้ใช้งานฟรี ได้ลองโดยที่ไม่เสียเงิน

สำหรับบทความนี้ก็พอแค่นี้ก่อนละกันครับ หากมีคำถามหรือข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ทาง Email หรือทาง Social ที่ทางเว็บมีให้ครับ สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ

ช่องทางการติดต่อ

Email: [email protected]

Website: https://blog.tichaky.com/

Facebook: https://www.facebook.com/tichaky

Youtube: https://www.youtube.com/@tichaky_diary

Post navigation

เริ่มต้นใช้งาน Docker กัน Part 1

รีวิว Low Code Appsmith กัน

ใช้ Portainer จัดการ Container กัน

เชื่อมต่อ Twilio SMS เข้ากับ Logto